หนุนรัฐแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นใช้ทันสงกรานต์! ชู ‘เป๋าตัง’ ดีกว่าทำระบบใหม่

กกร.หนุนรัฐแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทใช้ทันสงกรานต์ ย้ำใช้เป๋าตังดีกว่าทำระบบใหม่ ชี้เกิดได้เร็ว-ลดลงทุนซ้ำซ้อน ช่วยกระชากเศรษฐกิจขึ้น
..............
นโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย คือแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กลายเป็นนโยบายที่ยังหาบทสรุปไม่ลงตัว
ด้วยการที่เข้ามาบริหารประเทศด้วยความ “ล่าช้า” กว่าปกติ กฎหมายงบประมาณปี 2567 ยังไม่ได้พิจารณาในสภา อาจทำให้เกิดปัญหา “ขัดข้องทางเทคนิค” โดยเฉพาะแหล่งเงิน หรือที่มาของงบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท
ดังนั้นเมื่อรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” เข้ามาบริหารประเทส นโยบาย Flag Ship อย่างโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น จึงถูกหลายฝ่ายจับจ้องว่า จะเอาเงินมาจากไหน ... ใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร บล็อกเชนหรือเป๋าตังค์ หรือจะเริ่มคิกออฟได้เมื่อไหร่ !!!
ล่าสุด “สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. ออกมาชูมือเห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทต่อคน เพื่อช่วยประคับประคองกำลังซื้อภายในประเทศ
แต่ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและผลลัพธ์ที่คาดหวังให้ชัดเจนในการเข้าร่วมโครงการ และควรใช้ระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว อาทิ ระบบเป๋าตังของธนาคารกรุงไทย หรือระบบที่มีอยู่แล้วของธนาคารอื่น และระบบที่เอกชนมีอยู่ เพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องเกิดการลงทุนเพิ่ม สามารถทำตามที่รัฐบาลประกาศไว้ได้อย่างแท้จริง
เบื้องต้นประเมินว่า หากเงินดิจิทัลสามารถออกมาใช้ได้ทันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เดือน เม.ย.67 ได้ จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากหากเริ่มในเดือน ก.ย.67 มองว่าช้าเกินไป เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวะเวลาในการดำเนินมาตรการมีความสำคัญมาก
“กกร.เห็นด้วยกับมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อช่วยประคับประคองกำลังซื้อในประเทศ แต่ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ใช้ระบบเดิมที่เสถียร ปลอดภัย ประชาชนคุ้นชิน เน้นต่อยอดไม่ลงทุนซ้ำซ้อนคือกระเป๋าตัง และส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อประโยชน์โดยรวม เห็นว่าควรจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน เม.ย.นี้ เพราะหากเลยไปเป็นเดือน ก.ย.66 อาจช้าไป เพราะเศรษฐกิจไทยต้องการกระตุ้นอย่างแรง”
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.สนับสนุนเงินดิทัลวอลเล็ตหมื่นบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในรายละเอียด โดยเฉพาะวงเงินที่จะได้มาคงเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องทำความเข้าใจ โดยเห็นด้วยที่จะเร่งออกมาในช่วงต้นปีนี้และเริ่มใช้ได้ในเดือน เม.ย. ส่วนแนวทางอยากให้ใช้กระเป๋าตังเพื่อต่อยอดการพัฒนาที่นอกจากจะลดต้นทุนแล้วยังจะสามารถทำได้รวดเร็ว เพราะมีระบบเดิมรองรับอยู่แล้ว