Home Lifestyle สู่ขุนเขาและเงาฝน เมืองแห่งตำนาน ‘สังขละบุรี’

สู่ขุนเขาและเงาฝน เมืองแห่งตำนาน ‘สังขละบุรี’

by admin

‘การเดินทางคือการสละออก’ มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าวไว้…

ในวันที่เราอยากปลดบางสิ่งทิ้งบางอย่างไปจากชีวิตที่แบกไว้ด้วยภาระอันหนักอึ้ง สิ่งหนึ่งที่จะช่วยปลดเปลื้องบางอย่างให้เราได้ นั่นคือ ‘การเดินทาง’ ทุกครั้งที่ผมเจอภาวะแบบนี้ ผมมักจะเลือกการเดินทางท่องไปบนเส้นทางสายใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย ซึ่งมันได้ผลเกือบทุกครั้ง การเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกันทำให้พลังชีวิตของผมกลับคืนมาอีกครั้ง

‘สังขละบุรี’ เมืองท่ามกลางขุนเขา ริมพรมแดนไทย-เมียนมา เป็นสถานที่ผมปักหมุดไว้ในใจหมายมุ่งให้กำลังใจกับชีวิต ระยะทางกว่าสองร้อยกิโลเมตรกับเวลากว่าสามชั่วโมงจากตัวเมืองกาญจน์ฯมุ่งหน้าสู่สังขละบุรี อาจรู้สึกว่าไกลและยาวนาน แต่ด้วยเส้นทางที่เรียงรายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ตลอดจนวิวทิวทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติตลอดสองข้างทาง ทำให้ชีวิตการเดินทางของคุณเปี่ยมด้วยความรื่นรมย์จนลืมเรื่องระยะทางและเวลา

ผมขับรถออกจากตัวเมืองกาญจน์ตอนสิบโมงเช้า ตั้งใจจะไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านปลาเขื่อน ร้านอาหารเจ้าอร่อยของทองผาภูมิตามคำแนะนำของเพื่อน ผมสั่งมาสามเมนู อร่อยทุกเมนู ระดับความอร่อยให้คะแนนเต็มสิบไม่หัก ข้างร้านปลาเขื่อนมีร้านกาแฟบรรยากาศดี ใช้เมล็ดกาแฟของท้องถิ่น รสกาแฟอร่อยกลมกล่อม ชื่อร้าน ‘แครปคอฟฟี่’ หน้าร้านจะมีหลักกิโลเมตรยักษ์และรูปปั้นปูราชินีเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอยู่ริมถนน

ขณะเดินโดดเดี่ยวเดียวดายท่ามกลางฝนที่กำลังโปรยสายบนสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานอูเบงในเมียนมา ตรงหัวสะพานจะมีคนขับเรือหลายชีวิตรอคอยนักท่องเที่ยวมาเหมาเรือเพื่อพาไปชมวัดจมน้ำ ผมสอบถามเรื่องที่พักกับคนขับเรือ ผมต้องการที่พักริมน้ำในบรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว คนขับเรือแนะนำที่พักที่ชื่อ ‘บ้านแม่น้ำ’ แกบอกว่าที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง ผมยังไม่ได้ตัดสินใจโดยทันที หยิบมือถือเสิร์ชกูเกิลหาชื่อบ้านแม่น้ำ เจอเพจของที่พัก เข้าไปไล่ๆ ดู พบว่าบรรยากาศที่พักดูโอเคมาก แขกที่มาพักรีวิวให้ที่หน้าเพจกันเยอะมาก ผมตัดสินใจเลือกที่นี่ทันที โดยไม่ไล่หาที่พักอื่นๆ

ผมปักหมุดมาที่บ้านแม่น้ำ จอดรถด้านบนแล้วเดินลงมาประมาณร้อยเมตร เจอบ้านเก่าที่ถูกรีโนเวตใหม่ ซ่อนตัวอย่างเงียบสงบริมแม่น้ำ
ซองกาเรีย เป็นบรรยากาศส่วนตัวที่ผมโหยหามานาน

ที่พักที่นี่เป็นบ้านไม้เก่าหลังใหญ่แบ่งห้องพักพักเป็นสี่ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะมีชื่อห้องของตนเอง โดยตั้งชื่อห้องตามชื่อหนังสือที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ผมไล่ดูหน้าห้องแต่ละห้องที่มีหนังสือใส่กรอบติดไว้หน้าห้องเพื่อบอกถึงชื่อห้อง ผมเลือกพักห้องที่ชื่อ ‘แม่น้ำรำลึก’ ซึ่งเป็นห้องที่วิวสวยที่สุด เป็นวิวพาโนรามามองเห็นสะพานไม้ แม่น้ำ เจดีย์พุทธคยา จากภายในตัวห้อง มีระเบียงกว้างสองระเบียง มองเห็นโค้งแม่น้ำและวัดจมน้ำอยู่ลิบๆ ตา ผมนั่งดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบอยู่ที่ริมระเบียงกับเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ซื้อเข้ามาก่อนเข้าที่พัก มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาอย่างมาก พระพุทธรูปองค์ใหญ่อลังการซึ่งกำลังก่อสร้างตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่นอยู่บนเนินเขา มองเห็นได้อย่างชัดเจนตรงระเบียงบ้านแม่น้ำ

หกโมงเช้าของวันใหม่ ผมเดินขึ้นบันไดที่ยังไม่มีราวสู่ฐานพระพุทธรูปที่อยู่ชั้นบนมองเห็นวิวพาโนรามา เห็นสายหมอกลอยมาบดบังเจดีย์พุทธคยาที่อยู่เบื้องล่าง ก่อนจะจางหายเผยให้เห็นสถานที่ที่แม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน สวยงามเกินคำบรรยาย ผมใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงอยู่ตรงนั้น นั่งปล่อยอารมณ์และดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้าอันเงียบสงบอยู่คนเดียว

ชั่วขณะนั้นความสงบเงียบและความว่างก็เกิดขึ้นกับชีวิต แม้เป็นห้วงเวลาสั้นๆ แต่พลังและกำลังใจที่จะเดินไปข้างหน้าก็เข้ามาอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมจะก้าวเดินฝ่าฟันอุปสรรคใดๆ ในวันข้างหน้าที่จะเกิดกับชีวิต

Related Articles

Leave a Comment