ถอดรหัส “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” พร้อมเดินหน้า “เอ็นเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชี้เป็นเทรนด์โลก ระบุคนเล่นกาสิโนต้องถูกตรวจประวัติ-ทรัพย์สิน-เสียภาษี “อุ๊งอิ๊ง” ยันสร้างโอกาสในวิกฤต! สร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทย-นักลงทุน แย้มดีล “นายกฯ อันวาร์-ฮุน มาเนต” รวมพลังอาเซียนต่อรองกำแพงภาษีทรัมป์ แจงปม “มูดี้ส์” จัดเรตติ้งไทยร่วง นายกฯ ย้ำเป็นแค่มุมมอง ไม่ใช่เครดิตประเทศ เหตุมองตัวแปร ขยายตัวเศรษฐกิจลดลงจากผลกระทบ “สงครามการค้าโลก” ที่ยังไม่มีคำตอบสุดท้าย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ออกอากาศเมื่อวันที่ 4 พ.ค.68 ยืนยันถึงการเตรียมพร้อมต่อการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า รัฐบาลได้หารือกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ หรือทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ตั้งแต่ปลายปี 2567 และมีการตั้งคณะทำงานอย่างเป็นทางการเมื่อ ม.ค.68
ทั้งนี้ มีการหารือในรายละเอียด เช่น สินค้าต่างๆ มีกฎที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่ลงทุนในสหรัฐอเมริกาอย่างไร เช่น การเพิ่มทุน เพื่อเป็นทางลัดให้คนไทยที่ไปลงทุน นอกจากนั้นยังมีภาคอุตสาหกรรม ว่ามีสินค้าที่ส่งออกและนำเข้าอะไรบ้าง ดูภาษีทั้งหมด ซึ่งสินค้าบางตัวยอมรับว่าเก็บภาษีแพง ขณะที่อัตรากาเก็บประเทศอื่นถูกกว่า ทั้งนี้ได้หารือว่ามีอะไรที่ปรับได้บ้าง รวมไปถึงพูดคุยกับเอกชนที่ประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า ตนได้พูดคุยกับ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อรวมพลังอาเซียน เพราะเชื่อว่าจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากประชากรในอาเซียนมีกว่า 600 ล้านคน หรือ 1 ใน 10 ของโลก ถือว่ามีอำนาจต่อรองมากขึ้น ประเทศอาเซียนเห็นด้วยและเป็นมิตรอย่างดี ช่วยเหลือกันและกันมองไปถึงอาคตที่สนับสนุนกันในอนาคต
“การเจรจาให้วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย ยอมรับว่ามีเรื่องที่แจ้งไม่ได้ หรือเรียกว่ามีดีลลับ เพราะมีเรื่องที่คุยแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะหากเฉลยข้อมูล จะถูกเปรียบเทียบและเกิดความวุ่นวาย ซึ่งทุกประเทศดีลลับ แต่ไม่เลวร้าย เพราะเป็นมารยาทกับทุกประเทศเพื่อต่อรองและแลกเปลี่ยน ทุกประเทศต้องดีลแบบนี้ ไม่มีใครพูดเสียงดังเกินไป ซึ่งขณะนี้การเตรียมเจรจาได้เตรียมไว้หมดแล้ว และตอนนี้การเจรจาไม่เป็นทางการมีต่อเนื่องไม่ขาดหาย อัพเดทกับรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร เสมอ เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ และเตรียมพร้อมจนถึงวันที่ได้เจรจาต่อรอง” น.ส.แพทองธาร กล่าว
นายกฯ ยังกล่าวถึงสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือ “มูดี้ส์ เรตติ้ง” จัดอันดับเครดิตประเทศไทยเป็นเชิงลบ ว่า เป็นการให้มุมมองต่อประเทศไทย ไม่ใช่เครดิตของประเทศ เพราะมูดี้ส์มองว่าโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงเพราะมีตัวแปร เช่น “กำแพงภาษีทรัมป์” ที่ยังไม่มีคำตอบสุดท้าย แต่ไม่ได้แปลว่าเครดิตไทยเชื่อถือลดลง
“สิ่งนี้เรารับฟัง แต่เรื่องการผลักดันเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป ไม่มีพัก ต้องหารายได้ใหม่ ที่พูดถึงคือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งจะให้เอกชนต่างชาติมาลงทุนในประเทศก้อนใหญ่ มีการเก็บภาษี หมุนเวียนจากคนที่เล่นกาสิโน ซึ่งเราจะใช้โมเดลของสิงคโปร์ มีคนบอกว่าให้ใช้แบบลาสเวกัสที่ตั้งแยกออกไป แต่ไม่อยากให้มองว่าอยากทำกาสิโนเท่านั้น แต่มีสถานที่จัดงานในร่ม จัดคอนเสิร์ต นอกจากนั้นต้องมีการเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบ มีกฎเกณฑ์ โดยคนที่จะเข้าไปเล่นต้องถูกเช็คประวัติ อาชญากรรม ประวัติทรัพย์สิน แต่ขณะนี้ประเด็นการเมืองเข้มข้น ตีให้ถูกเข้าใจผิด จะมีอบายมุข แต่ไม่ใช่ เพราะนี่คือพัฒนาที่เข้าเทรนด์ของโลก ไม่อยากให้ไทยช้าไปอีกแล้ว” นายกฯ กล่าว
ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นใช้เกาะที่สร้างโดยมนุษย์ ซึ่งเดิมจัดเป็นเวิลด์เอ็กซ์โป แต่ขณะนี้รื้อออกและเตรียมสร้างสถานบันเทิงครบวงจร โดยจะแล้วเสร็จในปี 2030 ดังนั้นการสร้างเอนเทอร์เทนเมนต์ของไทยคือโอกาสที่เราจะสร้างให้เกิดขึ้น เกิดการการจ้างงานคนไทย และจะทำให้การท่องเที่ยวไทยไม่มีว่าโลว์ซีซั่นเลย