“ศาลปกครองสูงสุด” พิพากษาแก้ “ศาลชั้นต้น” สั่งให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 50 เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นในขั้นตอน “ระบายข้าวจีทูจี” เหตุประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ปล่อยให้เกิดการทุจริต ส่วนคดี “รับจำนำข้าว” ศาลชี้เป็นความผิดเจ้าหน้าที่ “อดีตนายกฯ ปู” ไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ “ทนายปู” หอบหลักฐานขายข้าว “ยุคลุงตู่-เศรษฐา” มูลค่านับแสนล้าน จ่อยื่นศาลปกครองตั้งคดีใหม่ หักล้างค่าเสียหาย เผยอาฟเตอร์ช็อก! หลังตัดสินคดี ทำหุ้นไทยสะเทือน นักวิเคราะห์ชี้สร้างความกังวลเสถียรภาพรัฐบาล ตลาดทุนเริ่มให้น้ำหนักปัจจัยการเมือง
วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา), รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, ปลัดกระทรวงการคลัง, สำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงการคลัง, กรมบังคับคดี, อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้ศาลปกครองกลาง (ชั้นต้น) มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 เม.ย.64 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว จึงเท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงการคลังยอมรับว่า “ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรงและขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
- ล่าสุด ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองกลาง โดยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหาย 10,028 ล้านบาท ซึ่งเป็นร้อยละ 50 ของความเสียหายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในฐานะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ
ศาลเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวฯ ไม่ได้ติดตามการระบายอย่างเต็มความสามารถและใกล้ชิด และเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ กขค.เพียงครั้งเดียว และตลอดการดำเนินโครงการมีหนังสือทักท้วง และมีข้อเสนอแนะจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่าโครงการมีการทุจริต ขอให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว แต่ก็ยังดำเนินโครงการต่อ
พฤติการณ์ดังกล่าว จึงเห็นได้ว่า ยังคงละเว้นเพิกเฉยไม่ติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลความเสียหายให้ทราบเพื่อป้องกันปัญหา ซึ่งโดยวิสัยของผู้ฟ้องคดีที่ 1 เมื่อได้รับทราบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นก็ควรติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้ดำเนินการจนทำให้เกิดเหตุทุจริต ส่งผลให้การระบายข้าวไม่ทัน ต้องนำมาเก็บไว้และเกิดการเน่าเสีย
พฤติการณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ต้องรับผิดทางละเมิดต่อกระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีนาปัง เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ จึงเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทางละเมิดในส่วนนี้
จึงมีคำพิพากษา “แก้คำพิพากษา” ของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้คำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 59 ที่สั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท โดยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ จ่ายชดใช้เฉพาะค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เป็นจำนวนเงิน 10,028 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 50 ของความเสียหายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนดังกล่าว