Home Feature ‘สมศักดิ์’ แพ้น็อค! วีโต้ไร้ผล ‘แพทยสภา’ ยืนมติเดิม จับตาศาลฟันคดีแม้วป่วยทิพย์

‘สมศักดิ์’ แพ้น็อค! วีโต้ไร้ผล ‘แพทยสภา’ ยืนมติเดิม จับตาศาลฟันคดีแม้วป่วยทิพย์

by admin

ม็อบโห่ไล่ “สมศักดิ์” หลังวีโต้ 15 นาทีแย้งบทลงโทษ 3 หมอชั้น 14 งัด “นิด้าโพล” อ้างเรตติ้งแพทยสภาร่วง สะท้อนคนไม่เชื่อมั่นองค์กร ปัดข่มขู่ก่อนชูมือโหวต แจงปมหอบเอกสาร 10 หน้า พ่วงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแนบท้าย ชี้ “ลงโทษรุนแรง” เสี่ยงโดนฟ้องร้อง ถามบอร์ดฯ กลับมติ! อนุฯ สอบสวน มีแรงจูงใจอะไรแน่ ด้าน “แพทยสภา” โหวตท่วม 68 เสียงเห็นชอบ “ยืนมติเดิม” เผยคำสั่งลงโทษทางจริยธรรม มีผลเป็นทางการ-ยับยั้งไม่ได้ ยกเว้นใช้กระบวนการศาลปกครอง จับตาศาลนัดไต่สวน ฟันคดี “ทักษิณ” ป่วยทิพย์

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.68 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการแพทยสภา เกี่ยวกับการใช้อำนาจยับยั้ง (วีโต้) มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ซึ่งมีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย

โดยนายสมศักดิ์ ใช้เวลา 15 นาทีในการชี้แจง พร้อมยื่นเอกสารประกอบ 10 หน้า โดย 2 หน้าเน้นประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแพทยสภา พร้อมแนบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อชี้ให้เห็นถึงความถูกต้องตามกฎหมายและป้องกันปัญหาการลงคะแนนที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้องในอนาคต พร้อมระบุว่า ฝ่ายกฎหมายแนะนำให้ยื่นเอกสารดังกล่าวในที่ประชุม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การชี้แจงในที่ประชุมเน้นเหตุผลที่ใช้อวีโตมติลงโทษแพทย์ทั้ง 3 ราย โดยระบุว่าการลงโทษนี้อาจกลายเป็น “บรรทัดฐานใหม่” ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย ซึ่งอาจนำไปสู่อันตรายต่อผู้ป่วยในระยะยาว พร้อมยกตัวอย่างกรณีโรงเรียนแพทย์ส่งผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ตรวจโรคเดียว แต่แพทย์ตรวจพบถึง 3 โรค ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่สะท้อนถึงความเอาใจใส่ในการรักษา โดยชี้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ควรถูกมองเป็นความผิด

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังวิจารณ์กระบวนการพิจารณาของแพทยสภา โดยระบุว่า คณะกรรมการใช้เวลากว่า 5 เดือนในการส่งเรื่องพิจารณาโทษ แต่คณะกรรมการกลั่นกรองจริยธรรมกลับประชุมเพียงครั้งเดียว ก่อนการประชุมบอร์ด 7 วัน และใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงในการปรับแก้โทษทั้งหมด ซึ่งที่ประชุมอาจไม่ได้พิจารณารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนก่อนมีมติลงโทษ พร้อมกันนี้ได้ให้แนวทางในเอกสารประกอบ 4 ข้อท้าย โดยขอให้คณะกรรมการทบทวนมติ หากรู้สึกผิดหรือพิจารณาว่ากรณีนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิดของตนเอง

เมื่อถูกถามว่าทำไมต้องแนบคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในเอกสาร นายสมศักดิ์ อธิบายว่า ประเด็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนหรือโหวตในแพทยสภาอาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต และอาจมีบุคคลที่สามฟ้องร้อง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายได้ เขายืนยันว่า การชี้แจงครั้งนี้ไม่ใช่การข่มขู่แพทยสภา แต่เป็นการทำตามกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจนำไปสู่การใช้จ่ายงบประมาณรัฐในคดีความ เขากล่าวว่า “ถ้าเราไม่พูดในที่ประชุมแล้วไปพูดทีหลังก็ไม่มีประโยชน์” และย้ำว่า การเริ่มต้นด้วยความโปร่งใสจะนำไปสู่การดำเนินการที่ถูกต้อง

เมื่อถามว่าในที่ประชุมมีการสอบถามเพิ่มเติมหรือไม่ นายสมศักดิ์ระบุว่า ไม่มีการสอบถาม โดยเขาใช้เวลา 15 นาทีตามที่กำหนด และออกจากห้องประชุมตามมารยาทเมื่อครบเวลา

พร้อมกันนี้ นายสมศักดิ์อ้างถึงผลสำรวจของนิด้าโพล ซึ่งระบุว่าความน่าเชื่อถือของแพทยสภาอยู่ที่ 54% ซึ่งถือว่าต่ำ และหากการตัดสินใจไม่รอบคอบ ความน่าเชื่อถืออาจลดลงอีก

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงวลีในเอกสารว่า “ตีวัวกระทบคราด” โดยอธิบายว่า การลงโทษแพทย์ในครั้งนี้ไม่เพียงกระทบตัวแพทย์ แต่จะสะเทือนทั้งระบบ ทำให้แพทย์รุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อวงการแพทย์โดยรวม

นายสมศักดิ์ระบุว่า เขาไม่ทราบจำนวนกรรมการที่เข้าร่วมประชุมและไม่รู้ว่ามาครบหรือไม่ แต่ย้ำว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะสภานายกพิเศษครบถ้วนตามมาตรา 24 โดยให้ข้อคิดและแนวทางต่างๆแก่แพทยสภาแล้ว หากมติแพทยสภายังไม่เปลี่ยนแปลงตามที่วีโต้ ก็จะเป็นหน้าที่ของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป เขายังกล่าวว่า หลังจากนี้จะมีแพทย์ที่ต้องถูกตรวจสอบเพิ่มเติม

กรณีเครือข่ายแพทย์ 750 คน ล่ารายชื่อสนับสนุนมติแพทยสภา และบางกลุ่มเสนอให้ยกเลิกตำแหน่งสภานายกพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต้องดำรงควบ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เขาไม่ยึดติดกับตำแหน่งนี้ และทำหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อป้องกันการร้องเรียน เขาระบุว่า ตำแหน่งนี้ไม่ใช่งานที่ง่าย ต้องพิจารณาหลายเรื่อง และบางครั้งต้องจัดการกับความขัดแย้งของผู้อื่น เขายังกล่าวถึงประวัติการทำงานว่าเป็นนักการเมืองที่พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และมุ่งทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

นายสมศักดิ์ย้ำว่า หากแพทย์ที่ถูกมติลงโทษต้องเผชิญคดีตามกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เขายังกล่าวถึงว่า การลงโทษแพทย์ในกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ “กรณีอดีตนายกรัฐมนตรี” ที่จบไปแล้ว แต่การลงโทษครั้งนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ทำให้แพทย์รุ่นใหม่และนักเรียนแพทย์รู้สึกกังวล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่หน้าอาคารมหิตลาธิเบศร มีกลุ่มมวลชนปักหลักชุมนุม ตะโกนขับไล่นายสมศักดิ์ และตั้งคำถามว่า “สภานายกพิเศษมีไว้ทำไม” หลังนายสมศักดิ์สัมภาษณ์เสร็จและขึ้นรถยนต์ออกจากพื้นที่ มวลชนบางส่วนขว้างรองเท้าใส่รถยนต์ที่กำลังเคลื่อนตัว

วันเดียวกันนี้ (12 มิ.ย.) คณะกรรมการแพทยสภา โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกคนที่หนึ่ง แถลงผลการประชุมลงมติชี้ขาดโทษแพทย์ 3 คน กรณีรักษานายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ใช้สิทธิ์ “วีโต้”

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้ กรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม 69 จาก 70 คน โดยมีกรรมการ 1 คน ที่ไม่ได้เข้าร่วมและไม่ส่งผู้แทนเข้าประชุม ส่วนการลงคะแนนเสียงโหวตในที่ประชุมเป็น 68 เสียง เนื่องจากมีกรรมการ 1 คน ที่ถูกตัดสิทธิเข้าประชุมคือ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวโทษ

“ที่ประชุมแพทยสภาในวันนี้ มีการลงเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ของที่ประชุม ด้วยเสียงของคณะกรรมการ 68 เสียง เห็นชอบให้ยืนยันตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม”

ทั้งนี้ ผลการลงมตินี้ทำให้ คำสั่งลงโทษทางจริยธรรมของแพทยสภามีผลอย่างเป็นทางการ และไม่สามารถยับยั้งได้อีก ยกเว้นใช้กระบวนการทางศาลปกครอง

Related Articles