“ตาเมือนธม” เดือดปุด! หญิงชาวเขมรชี้หน้าด่าทหารไทย “ทหารกัมพูชา” กร้าว! ยกพลหนึ่งกองร้อยเผชิญหน้า งัดคำขู่ขแมร์ “ให้หลบไปจะตั้งปืน” ฝ่ายไทยเข้าควบคุมพื้นที่-อพยพนักท่องเที่ยวอลหม่าน “แม่ทัพภาคที่ 2” ยันสถานการณ์ปกติแล้ว! ขอ ปชช.อย่าตื่นตระหนก ไขแนวคิด “สร้างรั้ว” หวั่นราดน้ำมันบนกองไฟ เสี่ยงบานปลายจนคุมไม่อยู่ เหตุทั้งสองฝ่ายยังยึดแผนที่คนละฉบับ แต่พร้อม “ทำทันที” หากรัฐบาล-กรมศิลปากรสั่งการ
วันนี้ (15 ก.ค.) สถานการณ์บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้เกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยเมื่อเวลา 12.50 น. นักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชาได้นั่งเฝ้ามองกำลังพลทหารไทยซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณต้นขี้เหล็ก ใกล้บันไดทางขึ้นปราสาท ก่อนจะลุกขึ้นไปตำหนิและชี้หน้าทหารไทย โดยกล่าวหาว่า “มายืนในดินแดนของประเทศกัมพูชาทำไม” และพยายามขับไล่ให้ทหารไทยขึ้นไปอยู่บนตัวปราสาท
เพียงไม่นานหลังจากนั้น สถานการณ์ก็ลุกลามอย่างรวดเร็ว เมื่อกำลังทหารกัมพูชาในเครื่องแบบ 1 กองร้อย หรือประมาณ 60 นาย ได้เคลื่อนกำลังพลจากที่ตั้งเข้ามาสมทบ และจัดกำลังเป็นแถวหน้ากระดานในระยะประชิด หันหน้าเผชิญหน้ากับกำลังทหารไทยที่ดูแลความปลอดภัยอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น ทำให้บรรยากาศเข้าสู่ภาวะตึงเครียดถึงขีดสุด
ท่ามกลางการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง มีรายงานว่าได้ยินเสียงในวงสนทนาของทหารทั้งสองฝ่ายในลักษณะที่ว่า “ให้หลบไปจะทำการตั้งปืน” ซึ่งคำขู่ดังกล่าวทำให้ฝ่ายไทยประเมินแล้วว่ามีความเสี่ยง จึงตัดสินใจเข้าควบคุมพื้นที่ และประกาศให้นักท่องเที่ยวทั้งหมดออกจากพื้นที่ทันที โดยเป็นการปฏิบัติการที่มุ่งเน้นการป้องกันความสูญเสียและหลีกเลี่ยงการยั่วยุให้สถานการณ์บานปลาย
ทั้งนี้ ตลอดช่วงเวลาที่เกิดการเผชิญหน้า ทหารไทยได้แสดงท่าทีนิ่งสงบและใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูง แม้จะถูกฝ่ายกัมพูชาโต้เถียงและกล่าวหาอย่างรุนแรง แต่ภารกิจสำคัญอันดับแรกของฝ่ายไทยคือการควบคุมสถานการณ์และดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
จากนั้นอีก 10 นาที ผู้บังคับบัญชาของทั้งสองฝ่าย นำโดย พ.ท.จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผบ.พัน.ร.21 และ ร.อ.ภัทรกร กลั่นการดี ผบ.ร้อย.ร.211 ของฝ่ายไทย ได้เข้าเจรจากับ พ.ต.กง รุน รองผู้บังคับกองพันที่ 422 ของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็สามารถตกลงทำความเข้าใจกันได้ และทหารกัมพูชาก็ได้ถอนกำลังกลับที่ตั้งเดิม
ในเวลาต่อมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าเหตุการณ์เป็นเพียงการโต้เถียงกันด้วยเสียงดัง ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารจากทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในพื้นที่ได้รีบเข้าระงับเหตุ พร้อมพูดคุยไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกับคู่กรณีได้เรียบร้อยแล้ว
การแถลงดังกล่าวเป็นการสื่อสารจากกองทัพบกที่ต้องการกำหนดกรอบของเหตุการณ์ “ให้เป็นเพียงความขัดแย้งเฉพาะหน้า ที่สามารถควบคุมได้” และยืนยันว่ากลไกการประสานงานในระดับพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวยืนยันว่า สถานการณ์ยังปกติ ไม่มีเหตุการณ์ที่น่ากังวลใดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชน อย่าได้ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พูดคุยกันเรียบร้อยเป็นที่เข้าใจ ส่วนประเด็นการสร้างรั้วนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 พร้อมที่จะสร้างหากรัฐบาลและกรมศิลปากรสั่งการ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าอาจทำให้สถานการณ์บานปลายได้ เพราะปัจจุบันกัมพูชาไม่ยอมรับแผนที่ฉบับ 1 ต่อ 50,000 ที่ประเทศไทยยึดถือเป็นหลักเขตแดน การที่เราไปสร้างรั้วตามแนวที่เรายึดถือ อาจถูกมองว่าเป็นการกระทำฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุดถึงผลกระทบที่จะตามมา