“ที่ปรึกษา รมว.เกษตร-เลขาฯ ส.ป.ก.” ดอดหารือ ปปง. สอบเส้นทางการเงิน 2 ข้าราชการทุจริตที่ดินเขาใหญ่ คาดออกหมายจับสัปดาห์หน้า เร่งขยายผลสอบปากคำเพิ่มอีก 7 คน
จากกรณีตำรวจ บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เข้าตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ในพื้นที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีการออกเอกสารสิทธิแล้ว 4 แปลง จากทั้งหมด 21 แปลง ที่มีการตีรูปแปลงในพื้นที่เขาหิน อีกทั้งยังพบพิรุธผู้ครอบครองสิทธิ์ 1 ใน 4 แปลง ก็ได้รับสิทธิ์ ส.ป.ก. ในแปลงพิพาทกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บ้านเหวปลากั้ง
ขณะที่ผู้ครอบครองบางแปลงได้สร้างบ้านพักหรู เจ้าหน้าที่พบว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ที่อาจผิดระเบียบ จงใจออกในพื้นที่ป่าเขา ทำเลสวย เหมาะทำบ้านพักและรีสอร์ต แต่ทำการเกษตรไม่ได้ เป็นเหตุให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา รวม 9 ราย พร้อมประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สอบเส้นทางการเงิน เพื่อจะขยายผลไปยังกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลัง
![](https://acnhotnews.com/wp-content/uploads/2024/03/kyx1-1024x576.webp)
ต่อเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษากฎหมาย รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เดินทางเข้าพบ นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. กรณีตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดในเขตปฏิรูปที่ดิน เช่น การลักลอบขุดดินเพื่อนำออกจำหน่าย และการใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดวัตถุประสงค์ ในพื้นที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทุจริตทั้งหมด
นายธนดล กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้สอบปากคำพยานบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน และผู้นำท้องถิ่นแล้ว โดยเบื้องต้นพบความผิด 2 มูลฐาน ที่เจ้าหน้าที่ ปปง.จะเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ คือความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 เรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ และการนำทรัพยากรไปใช้เพื่อการค้า ขณะนี้รู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย ที่ภายในสัปดาห์หน้าจะขอศาลทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ และอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมอีก 7 ราย เพื่อดูว่ามีส่วนรู้เห็นการกระทำความผิดหรือไม่ รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน 4-5 คน โดยในกลุ่มเหษตรกร พบบุคคลที่มีหน้าที่เสมือนเป็นนายทุนแล้ว 1 ราย มีชื่อเป็นผู้ถือครองที่ดิน 1 จุด โดยมีพฤติกรรมเหมือนเกษตรกร แต่แท้จริงไม่ใช่ แต่เป็นนายทุนที่มีกำลังทรัพย์สูงมาก
ทั้งนี้ ทราบว่าเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และเบื้องต้นยังตรวจสอบไม่พบว่ามีนักการเมืองเข้ามาร่วมกระทำความผิด พร้อมยืนยันว่าทางกระทรวงเกษตรฯ มีความตั้งใจที่จะหาตัวนายทุนหรือไอ้โม่งตัวจริง รวมถึงผู้กระทำความผิดทุกรายมาดำเนินคดีให้ได้ แต่ขอเวลาเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอีกสักระยะ จะมีความชัดเจนแน่นอน
ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังนั้น จากการตรวจสอบพบเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายเป็นเกษตรกร แต่ไม่ใช่ โดยเป็นเพียงผู้ที่มีกำลังทรัพย์ ยืนยันว่า ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับนักการเมือง
![](https://acnhotnews.com/wp-content/uploads/2024/03/kyx2.webp)
ด้านเลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า ได้มีการวางแนวทางให้ ส.ป.ก.จัดทำรายชื่อผู้ถือครองที่ดินทุกพื้นที่ และตั้งคณะอนุกรรมการให้มีภาคประชาชนของแต่ละพื้นที่เข้ามาตรวจสอบการถือครองที่ดิน เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการตั้งอนุกรรมการพิจารณาฐานความผิดเรื่องการถือครองที่ดินโดยมิชอบ ซึ่งจะเอาผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ
สำหรับคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว หลายหน่วยงานเข้ามาร่วมกันทำงาน เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, บก.ปปป., สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)
ด้านนายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ระบุว่า การตั้งอนุกรรมการเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้นั้น ปปง.จะตรวจสอบว่าพื้นที่ใดเป็นการใช้ทรัพยากรเพื่อการค้าและเข้าข่ายความผิดบ้าง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยการหารือ นอกจากจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดแล้ว ยังวางแนวทางแก้ปัญหาในระยะยาวด้วย