ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 ไม่รับคำร้องคณะรัฐมนตรียื่นตีความ “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” กรณีเสนอชื่อบุคคลเป็นรัฐมนตรี ชี้เป็นคำร้องลักษณะหารือ ยังไม่ถือว่ามีปัญหาเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญประชุมพิจารณาคดีสำคัญ กรณีคณะรัฐมนตรี โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ของรัฐธรรมนูญ
ประเด็นหลักคำร้องของนายชูศักดิ์ คือ การพิจารณาคุณสมบัติของบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งว่า ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีพฤติกรรมผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก (ยกเว้นบางกรณี) ตามมาตรา 160 (4) (5) และ (7) ของรัฐธรรมนูญ
รวมทั้งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราราชการการเมือง พ.ศ. 2535 มาตรา 9 (5) กำหนดว่า ผู้ซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งอื่นนอกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต้อง “ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดี” ว่ามีขอบเขตหรือแนวทางการพิจารณาอย่างไร
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องปฏิบัติตามกฎหมายและหลักนิติธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ขาดคุณธรรมและจริยธรรมเข้ามาบริหารประเทศ
โดยกำหนดคุณสมบัติของรัฐมนตรีให้เข้มงวดกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องพิจารณาคุณสมบัติของบุคคลที่เสนอแต่งตั้ง และเป็นผู้รับผิดชอบต่อพระมหากษัตริย์ในการเสนอชื่อ
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 “ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา” โดยเห็นว่า “เป็นเพียงการขอคำอธิบายเกี่ยวกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ” ยังไม่มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจเกิดขึ้นจริง ส่วนประเด็นอื่น ศาลมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ขณะที่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ผู้พิพากษาเสียงข้างน้อย “เห็นว่าควรรับคำร้อง”