“รมว.ยุติธรรม” ควงอธิบดีราชทัณฑ์-ผบ.คลองเปรม แถลงยืนยันการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ขณะที่ “ราชทัณฑ์” อ้างไม่ได้ถูกผู้คุมทำร้าย ชี้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพทางเดิน ไร้คนเข้า-ออกห้องขัง “ผบ.เรือนจำ” แจงไม่ได้ป่วยจิตเวช แต่มีอาการเครียดวิตกจึงขอแยกขังเดี่ยว ด้าน “ทวี” บอกขอสอบก่อน ยังไม่ตัดประเด็นถูกคนฆ่า หลังมีเคสถูกทำร้ายหลายครั้งในเรือนจำ
วันนี้ (8 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเผด็จ หริ่งรอด ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม ร่วมชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของนายธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ จำเลยคดี “คลุมถุงดำ”
รมว.ยุติธรรม กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งวันนี้ได้มีหน่วยงานทั้งหมด 4 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง หมอ และพนักงานสอบสวน รวมถึงครอบครัว ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ซึ่งมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพทางเดินที่ทำให้เห็นว่าไม่มีผู้ใดเข้า-ออกในห้องขังของอดีตผู้กำกับโจ้ มีเพียงเจ้าหน้าที่นำยาเข้าไปให้ตามเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ก่อนจะพบว่าเสียชีวิตลงแล้ว อย่างไรก็ตาม จะยังไม่ตัดประเด็นเรื่องที่ผู้อื่นทำให้เสียชีวิต
ส่วนในเรื่องของการชันสูตรพลิกศพ รวมไปถึงการวินิจฉัย ให้เป็นความเห็นของทางแพทย์ ซึ่งทางครอบครัวอยากให้นำศพไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยทางคณะทำงานจะพยายามทำให้โปร่งใสที่สุด เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยจะมีการตรวจพยานหลักฐาน ทั้งในส่วนเรื่อง DNA บนผ้าว่ามี DNA ของคนอื่นหรือไม่ รวมถึงวัตถุพยานทุกอย่าง
สำหรับกรณีที่มีการแจ้งความกรณีถูกทำร้ายร่างกาย ภายในเรือนจำเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมาน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยขณะนั้นอดีตผู้กำกับโจ้ ได้อ้างว่าถูกผู้คุมทำร้ายร่างกาย ทางเรือนจำเองก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการภายในตรวจสอบแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ทำร้าย เรื่องดังกล่าวจึงยังไม่มีข้อสรุป และขอเวลาในการพิสูจน์
ส่วนที่มีญาติไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ยืนยันว่าตำรวจได้มีการสอบแล้ว ส่วนในรายละเอียดจะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง
ด้าน นายสหการณ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องขังอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าภายในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดทุกจุด ยกเว้นภายในห้องนอนที่ถือว่าเป็นสิทธิมนุษยชนที่เราต้องดูแล
สำหรับมาตรการของต้องห้ามที่จะนำไปสู่การก่อเหตุ มีความเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผ้าที่ผู้เสียชีวิตใช้ก่อเหตุ เป็นการอนุโลมของเรือนจำให้กับผู้ต้องขังทุกคน เนื่องจากช่วงนี้มีอากาศร้อนจึงให้ไว้ซับเหงื่อ
ส่วนเวลาก่อเหตุนั้น เป็นช่วงเวลานอนที่ “อดีตผู้กำกับโจ้” อยู่ในห้องปิดทึบและอยู่เพียงคนเดียว จึงไม่มีใครเห็น โดยเหตุผลที่ต้องอยู่ห้องขังแยกเพียงผู้เดียว เนื่องจากผู้ต้องขังร้องขอเอง ไม่ได้มีการจับขังเดี่ยว เพราะวิตกังวล กลัวคนทำร้าย และทำให้ตัวผู้ต้องขังรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์มีมาตรการดูแลผู้ป่วยโดยการให้ยาตลอดเวลา อีกทั้งยังมีการนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตามอาการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราได้มีการประเมินไว้แล้ว โดยไม่พบว่าอดีตผู้กำกับโจ้จะก่อเหตุ
ขณะที่ รรท.ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม กล่าวว่า อดีตผู้กำกับโจ้มีการทำเรื่องขอไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อจะแยกขังเดี่ยวมาเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากที่มีปัญหาปากเสียงกับเพื่อนร่วมห้องขัง โดยได้ถูกย้ายจากแดน 7 เดิม ไปแดน 5 ส่วนที่ญาติอดีตผู้กำกับโจ้ไปแจ้งความ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย โดยนำเอกสารจากทางทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ได้มีการออกใบรับรองแพทย์ว่ามีบาดแผลฟกช้ำบริเวณซี่โครงด้านซ้าย ที่แพทย์ให้ความเห็น “เป็นการถูกกระทบกับของแข็งไม่มีคม” แต่จะเกิดจากการกระทำของเพื่อนร่วมห้องขังหรือผู้คุมนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในส่วนนี้เป็นสิทธิของญาติที่สามารถไปแจ้งความได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องรอทางพนักงานสอบสวนพิสูจน์
ในส่วนที่มีการตั้งคณะกรรมการภายในขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องการทำร้ายร่างกายนั้น จะทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ลักษณะเป็นการฮั้วกันหรือไม่ ยืนยันว่าตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ แต่ผลยังไม่ออก พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมา อดีตผู้กำกับโจ้ไม่ได้ป่วยจิตเวช เพราะว่ามาตรการของเรือนจำ หากพบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เป็นเพียงการรักษาตามอาการกังวลและเครียดเท่านั้น
