สิกรฯ คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 1,100-1,155 รอดูเฟด-Flow จับตานโยบายภาษีสหรัฐฯ และเหตุกาณณ์ในตะวันออกกลาง
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (16-20 มิ.ย.68) มีแนวรับอยู่ที่ 1,110 และ 1,100 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (17-18 มิ.ย.) ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน พ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ค.ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือน มิ.ย. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน พ.ค.ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงท้ายสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบก่อนจะขยับขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ หลังมีแรงหนุนจากรายงานความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นแล้ว ประกอบกับสหรัฐฯ ตอบรับเจรจาการค้ากับไทยอย่างเป็นทางการ แต่กรอบการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ซึ่งล่าสุดธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2568 ลงเหลือ 1.8%
หุ้นไทยร่วงลงแรงในเวลาต่อมา หลังจากที่ตอบรับประเด็นบวกข้างต้นไปพอสมควร โดยเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี แบงก์ และไฟแนนซ์ ซึ่งมีประเด็นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการเข้ามากำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งของ ธปท. ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงต่อในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังมีรายงานข่าวว่าอิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน ซึ่งกระตุ้นแรงขายหุ้นทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,122.70 จุด ลดลง 1.21% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 30,872.70 ล้านบาท ลดลง 18.52% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.72% มาปิดที่ระดับ 237.14 จุด