“บัวแก้ว” แถลงคืบหน้าประชุม JBC ยันบรรยากาศเป็นไปด้วยดี หวังลดตึงเครียด เล็งแก้ปัญหายั่งยืนในอนาคต ย้ำไทยไม่รับเขตอำนาจ “ศาลโลก” ยันใช้กลไกทวิภาคี คาดหารือถึง 15 มิ.ย. ส่วนแชทไลน์ กมธ.ฝ่ายไทยหลุด! หลังอดีตทูตไทยอ้างยึดแผนที่ 1:200,000 ทำไทยเสียเปรียบ “กต.” ชี้ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันนี้ (14 มิ.ย.68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ฝ่ายไทย ร่วมหารือกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา
ทั้งนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มหารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นด้านเทคนิคที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่น การใช้เทคโนโลยีสำรวจภูมิประเทศ ซึ่งขณะนี้การประชุมก็ยังดำเนินอยู่ ซึ่งในช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมตามระเบียบวาระที่วางไว้ อาทิ การพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปถึงวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.) โดยบรรยากาศในการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือร่วมกัน
อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยหวังการคุยช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต
นายนิกรเดช ยืนยันว่า ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยไทยต้องการแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว รวมถึงการหารือทางการทูต เนื่องจากมั่นใจว่าเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและที่เหมาะสมที่สุด เป็นไปตามหลักระหว่างประเทศและสหประชาชาติกำหนด เช่นเดียวกับกลไก JBC และอื่นๆ เช่น การสร้างสะพานมิตรภาพไทยกัมพูชา ที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน หลังการประชุมเสร็จสิ้น จะแจ้งสรุปผลการประชุมให้ทราบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมได้หยิบยกข้อพิพาทเรื่องกลุ่มปราสาท 3 แห่ง และพื้นที่ช่องบกหรือสามเหลี่ยมมรกต มาหารือหรือไม่ โฆษก กต. กล่าวว่า ไม่มีรายละเอียด เนื่องจากการประชุมยังไม่เสร็จสิ้น ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า มีแชตไลน์หลุดจากกรรมาธิการ JBC ฝ่ายไทย นายนิกรเดช ระบุว่า ทราบว่ามีกระแสข่าว แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
