ผอ.สำนักอุทยานฯ ลุยป้องป่าทั่วไทย กลับโดนหน่วยงานจ้องออกเอกสารทับที่อุทยาน-เอื้อนายทุน ยกบทเรียน “ทับลาน” สุดท้ายคดีจบแฮปปี้ เดินหน้าปกป้อง “เขาใหญ่” ไม่ให้ซ้ำรอย
ในวงเสวนา “จากทับลานถึงเขาใหญ่” ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวตอนหนึ่งว่า “นี่เป็นความเจ็บปวดในหัวใจของผู้พิทักษ์ป่า ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในป่าทับลานและป่าทั่วประเทศไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เราเจอปัญหาไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทับซ้อน การบุกรุก การค้าสัตว์ป่าข้ามชาติ ค้าไม้ข้ามชาติ แต่ระหว่างที่เรากำลังต่อสู้ก็ยังมีหน่วยงานกำลังจะเอาเอกสารที่มาจากไหนก็ไม่รู้ มาแปะอยู่ในเขตอุทยาน หรือป่าอนุรักษ์”
“อันนี้เป็นความเจ็บปวดหนักกว่าที่เจอขบวนการค้าไม้มีค่า ค้าสัตว์ป่า ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเราโดยตรง แต่ก็ยังมีหน่วยงานมาลักลอบบุกรุกแอบแฝง โดยใช้เทคนิคกระบวนการ ระเบียบต่างๆ มาดำเนินการในรูปแบบ ที่เราเรียกว่า ส.ป.ก.”
ในส่วนของป่าทับลาน เมื่อปี 2554-2555 ตนเป็นคนเข้าไปจับกุมและต่อสู้คดี ก่อนจะเป็นหน่วยพญาเสือ เมื่อปี 2559-2560 ก็จับกุมอีก และไปเจอปัญหาเรื่องที่ ส.ป.ก. ซึ่งก็งงว่ามาได้อย่างไร ในเมื่ออยู่ในพระราชกฤษฎีกาทับลาน เมื่อดูจากแผนที่ 900 กว่าไร่ ประมาณ 50-60 แปลง ที่เข้ามาวางผังโดยไม่มีแผน อยู่นอกเขตปฏิรูปด้วย เราก็ยังใจเย็นอยู่ แต่ที่สำคัญกว่านั้น หลุดมาทับแปลงคดี ในระหว่างที่เราต่อสู้คดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นลองคิดดูว่า สภาพที่กระบวนการยุติธรรม กระบวนการของรัฐที่อยู่ด้วยกัน ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ที่จะช่วยราษฎร ยากจน ให้มีที่ทำกินโดยถูกต้อง กลับมีเอกสารให้กับกลุ่มทุน
แล้วในการกล่าวหาครั้งนั้น เขาได้มีการเอาเอกสารไปยื่นต่อพนักงานสอบสวน ชั้นอัยการ และชั้นศาล สุดท้ายศาลรับแล้วก็เอา ส.ป.ก.ฉบับนั้นไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ทำให้จากที่เราเป็นโจทก์ ก็กลับกลายมาเป็นจำเลย แต่วันนี้เขาเป็นจำเลยแล้ว เราเป็นโจทก์
สิ่งที่เราทำปัจจุบันคือปรับปรุง พ.ร.บ.อุทยานฯ ปี 2562 เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และมีมาตรา 64 ให้ราษฎรมีที่อยู่ที่อาศัยที่ทำกิน พื้นที่ป่าอนุรักษ์
ส่วนเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าก็สูตรเดียวกัน โดยราษฎรที่อยู่ในป่าอนุรักษ์ ทำกินอยู่ก็ไม่ผิดกฎหมาย เก็บของป่า หาของป่าได้ วันนี้เป็นกฎหมายสากลแล้ว ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเราสำรวจทุกคน รวมถึงเขาใหญ่ และเป็นเหตุที่วันนี้ต้องมานั่งคุยกัน เพราะความเจ็บช้ำจากคดีต่างๆ กับ ส.ป.ก. สุดท้ายสรุปแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบอย่างสวยงาม แล้วครั้งนี้ก็จะเกิดรูปแบบนี้ในพื้นที่เขาใหญ่อีก
อย่างที่เห็นในภาพข่าวว่า มีเส้นแบ่งแล้วกรมแผนที่ทหารออกมาบอกว่าเป็นเส้นที่ ส.ป.ก.ได้รับอนุญาตถูกต้อง แต่ก็ต้องบอกว่าเรามีงบประมาณ มีพระราชกฤษฎีกา มีทุกอย่างที่เป็นไปตามกฎหมาย และใช้ต่อสู้คดีความมาตลอด แต่วันนี้กลับมีเส้นแบ่งออกมาข้างล่าง ที่ตกท้องช้างลงไปแล้ว มาบอกว่าเส้นนี้เป็นที่ ส.ป.ก. แล้วคดีความนี้จบอย่างไร จะจบแบบสวยงามเหมือนเดิม ทั้งที่เขตอุทยานถูกบุกรุก มีการจับกุม แต่จะจบแบบนี้อีกแล้วหรือ เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงต้องออกมาต่อสู้อย่างที่เห็น
ทั้งนี้ รูปแบบของการได้มาของ ส.ป.ก. พูดกันตรงๆ ไม่ว่าจะเป็นแปลงไหนที่ ส.ป.ก.ออกมาทับเขตพื้นที่อนุรักษ์ การได้มาของ ส.ป.ก. หรือคนที่ได้มาจาก ส.ป.ก. หรือกระบวนการที่ทำให้เกิดขึ้น ให้เป็นเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ทำมาโดยไม่ชอบ ถ้าพูดแบบนี้จบ เพราะที่ทำมาผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ซึ่งมันเป็นรูปแบบเดียวกัน อย่าลืมว่าอีก 5 ปี เปลี่ยนเป็นโฉนด ส.ป.ก.ที่สามารถจับมือกับกลุ่มทุนพัฒนาพื้นที่ได้ อันนี้ต้องระมัดระวัง
“พูดถึงวินัยข้าราชการ ความซื่อสัตย์ของข้าราชการ ถ้าทำตามแผนที่วางไว้ ไม่เกิดปัญหาแบบนี้ ดังนั้นวินัยของข้าราชการควรไปควานเอกสาร ส.ป.ก.ที่ผิดรูปแบบ ผิดระเบียบ แล้วมาคุยกันดีกว่า อันนี้ใครเป็นคนทำ ทำได้อย่างไร แต่ที่มันผิดเพี้ยนคือ กรมแผนที่ทหารไปรับรองแนวเขตตรงนี้ว่า เป็นที่ ส.ป.ก. ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ใช่ และรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น” นายชัยวัฒน์ กล่าวและว่า
กรมแผนที่ทหารไม่ใช่ตัวชี้ขาด ว่าพื้นที่ตรงนั้น ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งในมุมมองของตนเห็นว่า ลักษณะการทำแบบนี้ ท่านต้องกลับไปดูกฎหมาย ว่าการกระทำเช่นนี้หากไม่เป็นไปตามแนวเขตตามพระราชกฤษฎีกา แต่เป็นการเอื้อให้บุคคล ที่กระทำความผิดไม่ได้รับโทษหรือเปล่า ต้องระวังประเด็นนี้ด้วย
ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กล่าวอีกว่า มีตัวเลขว่ามีที่ ส.ป.ก.ออกทับที่เขตอุทยานจำนวนมาก ขอให้ ส.ป.ก.ทุกจังหวัด กลับไปคิดทบทวนตัวเองว่า จะออกโดยชอบหรือมิชอบ ถ้ามีโอกาสที่จะถอนคืน กลับคืนตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่บอกว่าถ้าพื้นที่ไหนซ้อนทับจริงๆ ก็เอาออกหมด นี่เป็นโอกาสของคนทั้งประเทศ ก็ทำเลย เมื่อท่านพูดแล้วต้องทำ ให้เป็นตัวหนังสือ และภายใน 30 วัน ต้องมีตัวชี้วัดว่าทำได้กี่พื้นที่ ไม่ใช่พูดเสร็จแล้ว วันหนึ่งกรมแผนที่ทหารออกมาว่า พื้นที่นั้นอยู่ในเขต ส.ป.ก. แบบนี้ไม่แฟร์ ทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องชัดเจน ถ้าวันนี้พื้นที่ป่าลดลง อนาคตข้างหน้าเราจะเจอภัยพิบัติ ทั้งปัญหาความแล้ง น้ำท่วม ดินสไลด์ ฝุ่น แน่นอน